Cover บทความ SEO Marketing คือ

SEO Marketing คืออะไร? พร้อมเคล็ดลับการทำ [ให้ติดหน้า 1]

Cover บทความ SEO Marketing คือ

SEO Marketing คืออะไร? พร้อมเคล็ดลับการทำ [ให้ติดหน้า 1]

SEO Marketing เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดดิจิทัล ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มคะแนนให้กับเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถติดอันดับการค้นหาที่ดีบนหน้าค้นหา และยังทำให้มีจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ (traffic) มากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เงินเลยแม้แต่บาทเดียว

บทความนี้มาทำความรู้จักกับการตลาดแบบ SEO Marketing พร้อมแนะนำเคล็ดลับการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้า 1 ได้แบบฟรีๆ กันเลย

ทำความรู้จักกับ SEO Marketing ให้มากขึ้น

ทำความรู้จักกับ SEO Marketing ให้มากขึ้น

SEO (Search Engine Optimization) เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เว็บไซต์ หรือคอนเทนต์ที่อยู่ในเว็บสามารถติดอันดับในการค้นหาบน Google หรือ Search engine อื่นๆ ได้

โดยจุดสำคัญของการทำ SEO นั่นคือ การติดอันดับแบบ “Organic” หรือติดอันดับการค้นหาได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลยแม้แต่บาทเดียว ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ Google เลือกนำไปแสดงบนหน้าแรกของการค้นหา เมื่อมีผู้ค้นหาด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้อง

เช่น เมื่อมีผู้ใช้งานค้นหาด้วยคำว่า “เค้กช็อกโกแลต” นั่นหมายถึง พวกเขากำลังมองหาสูตรการทำ ส่วนผสมที่ต้องใช้ ขั้นตอนการลงมือทำและตกแต่งให้สวยงาม 

แต่เพียงแค่สร้างคอนเทนต์ที่สอนการทำเค้กช็อกโกแลต เพื่อรอให้ถูกค้นหาบน Google นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากหน้าคอนเทนต์นั้นไม่ได้ถูกแสดงขึ้นไปบนหน้าแรกของการค้นหา หรือติดอันดับแรกๆ ของการค้นหา

นั่นจึงต้องมีการทำ SEO marketing เพื่อทำให้หน้าคอนเทนต์ที่เว็บไซต์สร้างขึ้นมา สามารถติดอันดับในหน้าแรกได้ และติดอันดับได้ในระยะยาว

รู้จักกับ SEO Marketing

ในการทำให้เว็บไซต์ติด SEO ไม่ว่าจะเป็น SEO สายขาวหรือ SEO สายเทา ต้องใช้การลงมือทำและเวลาในการทำงาน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่วันหรือสองวันก็สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ นั่นจึงต้องมีการทำ SEO marketing เพื่อช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพให้กับส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ ซึ่งได้แก่

  • การปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะกับการเข้ามาเก็บข้อมูลของอัลกอลิทึม (Crawl)
  • การเพิ่มความเร็วให้กับหน้าเว็บเพจ
  • การปรับให้เหมาะกับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
  • การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์
  • การทำลิงก์ภายในเว็บไซต์
  • การทำ Meta tags

ซึ่งในการทำสิ่งเหล่านี้ บางอย่างอาจจะต้องมีการปรับปรุงหรืออัปเดตอยู่เสมอ เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดี และติดอันดับได้อย่างยั่งยืน

องค์ประกอบหลักของการทำ SEO 

ก่อนที่จะไปถึงวิธีการทำ SEO marketing ให้ประสบความสำเร็จ มาดูกันว่าปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเว็บไซต์ ที่ส่งผลต่อการทำ SEO หรือทำให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับที่ดี มีอะไรบ้าง

สำหรับองค์ประกอบหลักของการทำ SEO ที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเท่าๆ กัน นั้นได้แก่ On-page SEO และ Off-page SEO

  • On-page SEO จะเป็นการสร้างคอนเทนต์ภายในเว็บที่ช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ ด้วยการใช้ Keyword หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ มาสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงเป็นประจำ
  • Off-page SEO จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากภายนอกเว็บไซต์ที่ส่งผลดีต่อเว็บไซต์ของเรา เช่น การได้รับ Backlink ซึ่งจะต้องใช้เทคนิคการทำ Backlink ที่หลากหลายและการทำอย่างตั้งใจ เพื่อให้ได้รับกลับมาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ

การทำ SEO แบบไหนที่ควรทำ และไม่ควรทำ

สำหรับกลยุทธ์ในการทำ SEO จะมีคำศัพท์ที่คนทำเว็บไซต์ควรทำและควรหลีกเลี่ยง ที่เรียกว่า Black Hat (SEO หมวกดำ) และ White Hat (SEO หมวกขาว)

Black Hat (SEO หมวกดำ) 

เป็นการใช้วิธีหลอกล่อ Google bot ที่เข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อนำไปจัดอันดับด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์สามารถติด SEO ได้ด้วยความรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นวิธีนี้จะเห็นผลในระยะสั้นเท่านั้น และหลังจากนั้นเว็บไซต์ก็อาจถูกการแบล็กลิสต์ จนไม่ถูกเลือกแสดงบนหน้าค้นหาของ Google ได้อีก

ตัวอย่างการทำ Black Hat

  • การคัดลอกหน้าเว็บเพื่อเพิ่มปริมาณหน้าเพจอย่างไม่มีคุณภาพ
  • การใส่ตัวหนังสือที่มองไม่เห็น หรือการยัดเอา Keyword มากมายลงไปในหน้าเดียว
  • การปิดบังหรือ Cloaking ที่ทำให้ Google bot เห็นหน้าเพจแบบหนึ่ง และผู้ใช้งานเห็นหน้าเพจอีกแบบหนึ่ง
  • การสร้างลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อ

White Hat (SEO หมวกขาว)

เป็นวิธีการทำ SEO ที่ตรงกันข้ามกับแบบด้านบนทั้งหมด โดยจะมุ่งแต่การทำ SEO ที่ยั่งยืนต่อเว็บไซต์ และทำเว็บให้มีคุณภาพมากที่สุด

ตัวอย่างการทำ White Hat

  • การทำคอนเทนต์คุณภาพที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ธุรกิจ
  • ใส่คำอธิบายภาพ
  • สร้างแต่ลิงก์ที่มีความเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาได้ถูกต้อง
  • ตั้งหัวเรื่องของเว็บเพจ (Page Title) ด้วยวิธีการเขียนที่มีเอกลักษณ์ และมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา

เคล็ดลับการทำ SEO Marketing ให้ประสบความสำเร็จ

สำหรับเคล็ดลับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกได้แบบฟรีๆ จะมี 6 ส่วนประกอบสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญในการทำเว็บไซต์ ได้แก่

1. การทำคอนเทนต์

คอนเทนต์หรือเนื้อหาต่างๆ ที่อยู่ในเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ บทความ รูปภาพ อินโฟกราฟิก วิดิโอ และอื่นๆ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ Google ได้เข้ามาทำความรู้จักว่าเราทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร และจะทำการให้คะแนนเว็บไซต์ 

โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง เจาะลึกเนื้อหา และไม่ได้คัดลอกจากเว็บอื่นมา ก็จะยิ่งได้รับคะแนนมากยิ่งขึ้น

สำหรับการทำคอนเทนต์ให้ได้ผลดี มีคุณภาพ และเกี่ยวข้องกับธุรกิจ สามารถเริ่มได้จากการทำ Keyword research หรือหาคำค้น เพื่อดูว่าผู้ใช้งานจะค้นหาบน Google ด้วยคำว่าอะไรบ้าง และมีคำไหนที่มีคนค้นหาเป็นจำนวนมาก 

ซึ่งคำๆ นั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราด้วย เช่น หากเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการขายวัสดุก่อสร้าง ก็ให้เลือกดูคำค้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ จากนั้นก็ให้ทำการเลือกเอา Keyword หรือคำค้นหาเหล่านั้นมาทำเป็นคอนเทนต์ลงบนเว็บไซต์

คอนเทนต์แบบไหนบ้างที่ Google ชอบ?

  • คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ มีการทำข้อมูลที่ดีละเอียดลึกซึ้ง มีวิธีการเล่าที่เข้าใจง่าย
  • คอนเทนต์ที่มีความสดใหม่ มีการอัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่ตลอด
  • คอนเทนต์ประเภทมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดิโอ เสียง 
  • คอนเทนต์ที่ตอบข้อสงสัย โดยเมื่อผู้ใช้งานเข้ามาอ่าน ฟัง หรือรับชมแล้ว ได้คำตอบจากสิ่งที่พวกเขากำลังหาข้อมูลได้ทันที

2. โครงสร้างของเว็บไซต์

โครงสร้างของเว็บไซต์ เป็นวิธีการสร้างเว็บเพื่อช่วยให้ Google รู้ว่าในแต่ละเว็บเพจมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง เว็บไซต์โหลดได้เร็ว และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานที่คลิกเข้ามาหรือไม่

โดยโครงสร้างของเว็บไซต์ที่ต้องให้ความสำคัญ ประกอบไปด้วย

  • ความง่ายต่อการเข้ามาเก็บข้อมูลของ Google เพื่อให้อัลกอลิทึมสามารถเข้ามารวบรวมข้อมูลและนำไปจัดหมวดหมู่ของภาพ วิดีโอทั้งหมด และวิเคราะห์เนื้อหาของแต่ละหน้า จากนั้นจะนำไปจัดเก็บไว้บนฐานข้อมูลของ Google และจะแสดงผลเมื่อมีการค้นหาจาก Keyword ที่เกี่ยวข้อง
  • การตอบสนองบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยการปรับหน้าตาเว็บไซต์ให้สามารถตอบสนองได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เนื่องจากมีการค้นหาผ่าน Google บนมือถือมากกว่าบนคอมพิวเตอร์
  • ความเร็วในการโหลด โดยเมื่อผู้ใช้งานเข้าสู่หน้าเว็บเพจใดก็ตาม จะต้องโหลดข้อมูลต่างๆ และแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว เพราะหากมีการแสดงผลช้า โหลดช้า ก็อาจทำให้ผู้ใช้งานกดออกจากหน้าเว็บไซต์ของเราได้
  • โครงสร้างของเว็บ (Site structure / Sitemap) โดยการวางโครงสร้างของเว็บไซต์ จะเป็นการบอกภาพรวมว่าในเว็บมีหน้าเพจอะไรบ้าง แต่ละหน้าเชื่อมโยงกันอย่างไร เพื่อทำให้ทั้งผู้ใช้งานและ Google สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย

3. HTML

HTML (Hypertext Markup Language) เป็นภาษาที่ใช้ในการแสดงผลของเว็บไซต์ ซึ่งจะใช้ tag เป็นตัวกำหนดการแสดงผลในส่วนต่างๆ และแบ่งองค์ประกอบของเนื้อหา เช่น Header Footer Titles Headlines Body

โดย Google จะเข้ามาอ่านในส่วนของ HTML tag ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ว่าคอนเทนต์ที่อยู่ในเว็บไซต์มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และจะนำไปแสดงผลในหน้าค้นหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ที่ค้นหา

4. การสร้างคุณภาพให้กับเว็บไซต์

อัลกอลิทึมของ Google จะใช้หลักในการพิจารณาคุณภาพของเว็บไซต์ ด้วยการใช้หลัก E-A-T ที่ประกอบไปด้วย

(E) Expertise – ความเชี่ยวชาญ

(A) Authoritativeness – การได้รับการยอมรับ

(T) Trust – ความน่าเชื่อถือ

โดย Google จะใช้หลัก E-A-T ในการประเมินและวิเคราะห์เนื้อหาต่างๆ บนเว็บไซต์ เพื่อดูว่าเว็บไซต์นั้น มีความชำนาญในการทำคอนเทนต์ ให้กับผู้ใช้งานที่เข้ามาอ่านได้รับประโยชน์ จากข้อมูลที่เป็นความจริง และน่าเชื่อถือ

ซึ่งถ้าหากบนเว็บไซต์มีการใช้หลัก E-A-T ในการสร้างคอนเทนต์ ก็จะส่งผลต่อการทำ SEO ที่ช่วยให้ได้รับคะแนนในการจัดอันดับที่ดีนั่นเอง

5. การสร้างลิงก์

ลิงก์ (Link) เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงหน้าเพจต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนจากหน้าหนึ่ง ให้ไปยังอีกหน้าหนึ่งได้จากการกดที่ลิงก์นั้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการให้คะแนน และจัดอันดับของเว็บไซต์บนหน้าค้นหา

โดยลิงก์ที่ส่งผลต่อคะแนน มีดังนี้

1. ลิงก์ที่มีคุณภาพ จากปัจจัยที่เกิดขึ้นทั้งภายในเว็บไซต์และภายนอกเว็บไซต์ แบ่งออกเป็น

  • On-page SEO เป็นการปรับแต่งคอนเทนต์ต่างๆ บนเว็บไซต์ให้มีโอกาสได้รับคะแนนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การทำลิงก์ภายในเว็บไซต์, การสร้าง URLs, การทำแท็กชื่อเรื่อง (Title tag) 
  • Off-page SEO เป็นการได้รับคะแนนความนิยมจากเว็บไต์ภายนอก ที่มีการทำ Backlink หรือลิงก์ที่คลิกแล้วจะพาผู้ใช้งานมาที่หน้าเว็บของเรา  

2. การสร้าง Anchor Text หรือข้อความที่กดได้ ที่เว็บไซต์ต้นทางใช้ในการทำ Backlink โดยดูว่าข้อความที่ใส่ URL เข้าไปนั้น มีความเชื่อมโยงกับเนื้อหาปลายทางของลิงก์นั้นหรือไม่ 

เช่น ถ้าปลายทางเป็นหน้าบทความที่เกี่ยวกับเทรนด์ SEO ของปีนี้ การเขียน Anchor Text ก็ควรจะเป็น “เทรนด์การทำ SEO ในปี 2022

3. ปริมาณของ Backlink ที่ได้รับ ยิ่งมาจากเว็บที่มีคุณภาพและมีประมาณมาก ก็ทำให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีคะแนนความนิยมสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการได้รับคะแนนในการจัดอันดับที่ดีขึ้น

6. การตอบสนองต่อผู้ใช้งาน

การทำให้เว็บไซต์ตอบสนองต่อผู้ใช้งานในทุกด้าน ก็ส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์เช่นเดียวกัน โดยปัจจัยสำคัญคือ ประเทศและพื้นที่ที่ผู้ใช้งานอาศัยอยู่ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการออกแบบการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากที่สุด 

เช่น กลุ่มเป้าหมายเป็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ก็จะต้องทำเว็บไซต์ให้มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 

นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการตอบสนองของหน้าเว็บไซต์ หรือ User experience (UX) เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานอยากจะกลับเข้ามา หรืออยากดูคอนเทนต์มากขึ้นอีก

สรุปเนื้อหาการทำ SEO Marketing

การทำ SEO Marketing เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมให้การทำ SEO บนเว็บไซต์นั้นสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการที่เว็บไซต์สามารถติดอันดับที่ดีบนหน้าค้นหา จะช่วยให้มีโอกาสที่ผู้ค้นหาจะได้เข้ามาทำความรู้จักกับธุรกิจ และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจมีลูกค้าจากช่องเว็บไซต์มากขึ้น