Cover บทความ ทำ Backlink ให้มีคุณภาพสูง

10 เทคนิคการทำ Backlink ให้มีประสิทธิภาพสูง

Cover บทความ ทำ Backlink ให้มีคุณภาพสูง

10 เทคนิคการทำ Backlink ให้มีประสิทธิภาพสูง

Backlink เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทาง Google หรือ Search Engine อื่นๆ ให้คะแนนสำหรับการจัดอันดับเว็บไซต์ และถ้ายิ่งมีการทำ Backlink ที่มีคุณภาพ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสของการพาให้เว็บไซต์ของคุณทะยานสู่หน้าแรกของการค้นหาได้มากขึ้น

แล้วการทำ Backlink หรือ Off-Page SEO ให้มีคุณภาพสามารถทำได้อย่างไรบ้าง? มาดู 10 เทคนิค ที่จะช่วยให้ Backlink ให้มีประสิทธิภาพสูงแบบง่ายๆ พร้อมนำไปปรับใช้งานกับเว็บไซต์ของคุณได้เลย

10 เทคนิคการทำ Backlink ให้มีประสิทธิภาพสูง ทำตามได้เลย

ในการทำ Backlink ให้มีประสิทธิภาพสูง จะช่วยส่งเสริมให้กลยุทธิ์ของการทำ SEO ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นผลดีต่อการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าแรกของการค้นหาได้ 

โดยมีเทคนิคที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถนำไปปรับใช้กับเว็บได้ง่ายๆ ดังนี้

1. ทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ให้โดน

94% จากผลการวิเคราะห์ 912 ล้านบล็อกโพสต์และบทความบนเว็บไซต์ พบว่าคอนเทนต์เหล่านี้ไม่มีการทำลิงก์ไปยังเว็บไซต์ภายนอกเลย นั่นจึงทำให้หลายๆ เว็บไซต์ไม่ได้รับ Backlink กลับสู่เว็บไซต์ตนเอง

ส่วนคอนเทนต์ที่เหลือและได้รับการทำ Backlink กลับไป ส่วนใหญ่จะเป็นบทความหรือเนื้อหาที่เกี่ยวกับ

  • ทำไม เช่น ทำไมคนทำเว็บต้องทำ Backlink, ทำไมการทำ Backlink ถึงส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์, ทำไมการจ้างทำ Backlink จึงให้ผลลัพธ์ที่ดี
  • อะไร เช่น Backlink คืออะไร?, มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการทำ Backlink

เนื่องจากบทความที่มีเนื้อหาเหล่านี้จะช่วยปูพื้นฐานให้กับคนจำนวนมากที่ยังไม่รู้ ได้คลิกเข้ามาอ่าน มาทำความเข้าใจ อีกทั้งยังทำให้เว็บไซต์ได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่นที่นำเนื้อหาไปใช้อ้างอิง และเป็นผลดีต่อการทำ SEO ด้วย

แต่การทุ่มให้กับการทำคอนเทนต์ทั้ง 2 ประเภท ก็ต้องอาศัยทั้งการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เนื้อหาสามารถตอบคำถามได้ครบ และมีการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่ายด้วย เพื่อให้คอนเทนต์เหล่านี้ได้รับความน่าเชื่อถือ จนทำให้จากเว็บไซต์ต่างๆ นำไปใช้เป็นอ้างอิงในการทำเนื้อหา และเต็มใจที่จะส่ง Backlink กลับมา

2. ใส่รายละเอียดให้กับคอนเทนต์บนเว็บไซต์

คอนเทนต์ที่อยู่บนเว็บไซต์ โดยเฉพาะ บทความ ควรเป็นเนื้อหาแบบยาว (Long-form content) ที่มีความยาวตั้งแต่ 1,500 คำขึ้นไป ต้องมีเนื้อหาเชิงลึก ครอบคลุมทุกอย่างที่ผู้อ่านควรรู้ 

และควรเป็นบทความแบบ Evergreen หรือมีเนื้อหาที่ไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลาด้วย เนื่องจากจะมีผลดีต่อการค้นหาในระยะยาว และทำให้มีผู้ใช้งานเข้ามาอ่านได้เรื่อยๆ

เช่น การทำบทความในหัวข้อ Backlink คืออะไร? ก็จะมีเนื้อหาที่ไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเข้ามาอ่านปีนี้ ปีหน้า หรือปีถัดไป ก็จะยังได้ความรู้ในเรื่องนี้ก็จะยังคงมีความสดใหม่และอธิบายให้คนที่ไม่เคยรู้มาก่อนเข้าใจได้ หรือจนกว่าจะมีอัปเดตใหม่นั่นเอง

ซึ่งถ้าบทความที่ลงบนเว็บไซต์มีเนื้อหาที่ละเอียด และให้ความรู้ความเข้าใจผู้อ่านได้อย่างครบถ้วน ก็แน่นอนว่าจะทำให้เว็บไซต์อื่นส่ง Backlink กลับมา รวมถึงยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Google พาหน้าบทความนั้นขึ้นสู่หน้าแรกของการค้นหาได้โดยไม่ต้องใช้เงินเลย

Infographic (อินโฟกราฟิก) เป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพ ที่อธิบายออกมาให้สั้น ชัด ครบ ทั้งภาพและเนื้อหาโดยสรุป ซึ่งเป็นประเภทของคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากผู้อ่านจะเข้าใจได้เร็ว อ่านง่าย รวมถึงยังแชร์ต่อหากข้อมูลมีประโยชน์อีกด้วย

สร้าง Backlink ผ่านการทำ Infographic 

โดยการทำ Infographic ออกมาหนึ่งชิ้นจะใช้ทรัพยากรค่อนข้างเยอะ ทั้งการหาข้อมูล รวบรวมข้อมูล สรุปผล และทำออกมาให้เป็นภาพที่เข้าใจง่าย ซึ่งถ้าอยากทำ Infographic ให้ตอบโจทย์ ทำไปแล้วมีคนแชร์ และได้ Backlink กลับมา ก็ต้องวางแผนให้ดี โดยทำได้จาก

  • คิดไอเดียคอนเทนต์ให้น่าสนใจ มีความแตกต่าง และไม่มีที่ไหนทำมาก่อน
  • ดูว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้อ่านกำลังให้ความสนใจในเรื่องอะไร หรือเลือกนำกระแสใหม่ๆ มาเล่า

ซึ่งหลังจากที่ทำ Infographic ออกมาแล้ว ก็สามารถทำเป็นคอนเทนต์อธิบายบนเว็บไซต์และใส่ภาพลงไป จากนั้นนำไปเผยแพร่ต่อบนโซเชียลมีเดียและแทรกลิงก์ลงไป เพื่อให้กลุ่มผู้อ่านได้แชร์หรือคลิกเข้ามาอ่านต่อบนเว็บไซต์

4. ทำคู่มือการอ่านฉบับเต็มบนเว็บไซต์

อีกหนึ่งเทคนิคการทำ Backlink ไม่ว่าจะเป็นสายขาวหรือสายเทาให้มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการทำคู่มือการอ่านฉบับเต็ม หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ultimate Guides 

โดยจะเป็นหน้าคอนเทนต์ที่รวบรวมเอาความรู้ทั้งหมดที่ต้องรู้ในหัวข้อนั้น มาเล่าเรื่องใหม่ให้เจาะลึกมากขึ้น มีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อต่างๆ และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นเขียนขึ้นมา

ตัวอย่าง Ultimate Guides การรีดีไซน์เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ
ตัวอย่าง Ultimate Guides การรีดีไซน์เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ จาก impactplus.com

ในการจะสร้าง Ultimate Guides ให้ออกมาสมบูรณ์ได้ จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่

  • การเลือกหัวข้อให้ชัดเจน มีความทันสมัย ยังไม่ตกยุค และต้องสอดคล้องกับ Keywords จากการทำ SEO ด้วย
  • การแตกประเด็นเนื้อหาออกเป็นหัวข้อย่อย ให้ครอบคลุมทุกเรื่องที่ผู้อ่านต้องรู้
  • การเขียนเนื้อหาให้มีความละเอียด และแทรกลิงก์ไปยังบทความอื่นๆ ของเว็บไซต์ 

เมื่อเขียนเสร็จแล้ว Ultimate Guides จะมีความยาวกว่าบทความปกติค่อนข้างมาก โดยอาจยาวถึง 5,000 คำเลย แต่หากเนื้อหาภายในอัดแน่นไปด้วยสาระประโยชน์ และผู้อ่านได้รับความรู้อย่างครบถ้วน ก็จะเป็นผลดีต่อการแชร์และการทำ Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ กลับมายังหน้านี้ได้มากขึ้น

5. สร้างคอนเทนต์ให้เป็นสุดยอดของทั้งหมด

ในการสร้างสุดยอดคอนเทนต์ หรือ Skyscraper Content ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้การทำ Backlink มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการสร้างบทความขึ้นมาใหม่ให้มีความชัดเจน ลึกซึ้ง ครอบคลุม และมีความยาวเป็นพิเศษ ซึ่งแม้จะคล้ายกับการทำ Ultimate Guides แต่ก็มีรายละเอียดและกลยุทธิ์การทำที่ต่างกันออกไป

วิธีการทำ Skyscraper Content 

  1. เริ่มต้นด้วยการค้นหาบทความต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จในการได้รับ Backlink และตัวเนื้อหาของบทความนั้นเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณด้วย
  1. ลงมือทำให้บทความนั้นกลายเป็นคอนเทนต์ที่ดีกว่า แบบไม่ใช่การก็อปปี้มาวางและเพิ่มความยาว แต่เป็นการลงมือเขียน เรียบเรียงใหม่ ใช้วิธีการเล่าในแบบฉบับของตัวเอง มีภาพประกอบที่เข้าใจง่าย และต้องทำให้ดีกว่าบทความต้นแบบมากกว่าหลายเท่าตัว
  1. เมื่อบทความที่เป็น Skyscraper Content ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการโปรโมทบทความนี้ออกไปทั้งสื่อออนไลน์ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกัน หรือผ่าน Influencer / KOL / Blogger ที่มีชื่อเสียง และที่สำคัญให้เน้นไปที่กลุ่มเว็บไซต์ที่เคยสร้าง Backlink ให้กับบทความต้นแบบด้วย

โดยถ้าหากบทความนี้ประสบความสำเร็จในการให้ความรู้กับคนในวงการ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องสร้างคอนเทนต์ที่ใช้บทความนี้เป็นแหล่งอ้างอิง และมีการทำ Backlink กลับเข้ามายังบทความนี้แน่นอน

6. ส่องเทคนิคของเว็บคู่แข่ง

ในการสร้าง Traffic ให้เข้ามาบนเว็บไซต์แบบออร์แกนิคหรือแบบที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ สามารถทำได้โดยการสอดส่องเทคนิคที่เว็บคู่แข่งทำ เพื่อดูว่าพวกเขาทำการตลาดออนไลน์ยังไงบ้าง และหาช่องทางแบ่งเอา traffic เหล่านั้นให้เข้ามายังเว็บของคุณ

โดยช่องทางสอดส่องที่ง่ายที่สุด คือ การติดตามบนโซเชียลมีเดีย หรือการกด Subscribe รับข่าวสาร เพื่อตามมาดูว่าพวกเขามีเทคนิคการทำ Backlink ที่น่าสนใจแบบไหนบ้าง 

เช่น ถ้าพวกเขามี Backlink จากการไปเป็นนักเขียนรับเชิญบนเว็บไซต์ชื่อดัง ก็ลองสมัครไปเขียนบนเว็บไซต์นั้นดูบ้าง หรือ ได้รับ Backlink จากเว็บไซต์รีวิว ก็ลองติดต่อบล็อกเกอร์ของเว็บไซต์นั้นเพื่อให้รีวิวสินค้าหรือบริการของคุณลงบนเว็บไซต์

7. ทำให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เว็บไซต์อื่นๆ ตัดสินใจว่าจะส่ง Backlink กลับมายังเว็บไซต์ นั่นคือ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ โดยเฉพาะเว็บไซต์เปิดใหม่ที่คนยังไม่รู้จักอย่างแพร่หลาย 

หากต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ ในช่วงแรกจะต้องหมั่นทำคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ และทำให้คนเชื่อว่าคุณเซียนในเรื่องนั้นก่อน ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเดียวกันได้มากยิ่งขึ้น

หรือหากต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้เร็วขึ้น การใช้โซเชียลมีเดียอย่างการสร้าง Facebook Page แล้วมีการทำเนื้อหาแบบสั้นที่กระตุ้นให้เกิดการแชร์ต่อ พร้อมทั้งแทรกลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้นด้วย

8. ใช้ช่องทางสื่อหรือคนดังในการ PR

หากต้องการให้เว็บไซต์ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้เร็ว และได้รับ Backlink ที่มีคุณภาพ การใช้ช่องทางสื่อออนไลน์ หรือการใช้คนดังในวงการเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Influencer / KOL / Blogger ให้การช่วย PR คอนเทนต์จากเว็บไซต์ของคุณได้

โดยการติดต่อโดยตรงไปยังสำนักข่าวออนไลน์ หรือเหล่าบล็อกเกอร์ เพื่อแนะนำตัวและบอกเล่าข้อมูล หรือความรู้ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งถ้าหากพวกเขาพบว่าคอนเทนต์ของเรามีความน่าสนใจ น่านำไปใช้งาน หรือเผยแพร่ต่อ ก็จะทำให้ได้รับ Backlink กลับมาได้

9. ไปเป็นนักเขียนรับเชิญให้เว็บไซต์อื่น

ในปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมายที่เนื้อหาภายในมีความเกี่ยวเนื่องกัน และสามารถสร้างประโยชน์ให้กันและกันได้ โดยคุณสามารถไปสมัครเป็นนักเขียนรับเชิญและทำคอนเทนต์ให้แบบฟรี ให้กับเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น

ซึ่งถ้าหากบทความที่ไปเขียนให้ ได้รับการเผยแพร่ไปบนเว็บไซต์เหล่านั้น ก็จะเป็นอีกช่องทางที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ทำความรู้จักกับคุณและเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น รวมถึงยังสามารถใส่ Backlink ให้กลับมายังเว็บไซต์ได้อีกด้วย

การจ้างให้ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำ Backlink เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ Backlink ให้ดีและตอบโจทย์มากขึ้น 

โดยทางทีมผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาช่วยดูแล ตั้งแต่การวางแผนและสร้างกลยุทธ์ (Strategy) ในการทำ Backlink ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณจะได้รับทั้ง

  • การวางกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มคะแนนให้เว็บไซต์ด้วยการทำ Backlink และการสร้างลิงก์อื่นๆ บนเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ
  • การผลิตเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ตรงคีย์เวิร์ดและมีคุณภาพสูง ซึ่งส่งผลต่อการได้รับ Backlink และการไต่อันดับบนหน้าแรกของ Google
  • ลดความผิดพลาดจากการลงมือทำเอง ที่อาจทำให้เสียทั้งเงินและเวลา
  • คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกลับมาสู่เว็บไซต์
  • มีการวางกลยุทธ์ที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอลิทึมได้อย่างทันสมัย ตามเทรนด์ของ Google อยู่ตลอด ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีคะแนนที่ดีอยู่เสมอ
  • คุณมีเวลาไปโฟกัสกับงานหลักหรืองานอื่นๆ มากยิ่งขึ้น โดยทางทีมผู้เชี่ยวชาญจะคอยดูแลและรายงานผลอยู่ตลอด ตั้งแต่เริ่มจนจบโปรเจ็ค

Google ให้ความสำคัญกับปัจจัย 3 อย่างกับการให้คะแนนเว็บไซต์ ให้ทะยานขึ้นสู่หน้าแรกของการค้นหา ซึ่งได้แก่ การทำคอนเทนต์ การเชื่อมโยงลิงก์ต่างๆ และ RankBrain (ส่วนหนึ่งของอัลกิลิทึมที่เข้ามาจัดอันดับผลการค้นหา มุ่งเน้นในด้านการอ่าน คำค้นหา หรือ Search Query) 

ธุรกิจที่ใช้เว็บไซต์เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาด จึงต้องให้ความสำคัญทั้งการทำลิงก์บนเว็บ ลิงก์สู่ภายนอกเว็บ และการรับ Backlink จากเว็บไซต์ภายนอกด้วย 

โดยเฉพาะถ้าต้องการทำ Backlink ให้มีประสิทธิภาพสูง จะต้องเริ่มต้นด้วยการทำคอนเทนต์หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีคุณภาพก่อน ก็จะช่วยให้เว็บไซต์อื่นๆ มีการสร้างลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ Google ได้มองว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์มีคุณภาพ ได้รับความน่าเชื่อถือ และมีคะแนนโหวตเว็บไซต์อื่นๆ ด้วย